หากว่าเราสนใจเรื่องของเกมบาคาร่า ก็น่าจะทราบเกี่ยวกับ ประวัติบาคาร่า เพราะหากเผื่อมีใครถามเราก็จะได้ โชว์ภูมิความรู้ตอบได้ โดยสำหรับประวัติบาคาร่านั้นถือว่ามีความเป็นมาที่ค่อนข้างยาวนานมาก เพราะจากประวัติที่ทำการค้นคว้าและหลักฐานที่ค้นพบ ก็ทำให้เราสามารถย้อนไปได้ถึงในศตวรรษที่ 15 กันเลยทีเดียว โดยสำหรับคำว่า Baccarat (อ่านว่า แบคะรา) มันมีความหมาย คือ ศูนย์ ซึ่งจะเป็นการเรียกตามกติกาบาคาร่า ในการเล่นเกมไพ่ชนิดนี้จะมีไพ่ที่มีสัญลักษณ์ Jack,Queen,King โดยในเกมจะถูกแทนค่าด้วย 0 คือมีแต้มเท่ากับ 0 แต้ม
บาคาร่า คือ อะไร เราจะลองมาทำความเข้าใจเจาะลึกเกี่ยวกับเกมไพ่นี้กัน
เกมไพ่ บาคาร่า คือ อะไร เราจะลองมาทำความเข้าใจเจาะลึกเกี่ยวกับเกมไพ่นี้กัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ประวัติความเป็นมาของเกมไพ่ กติกา,วิธีการเล่น,อัตราต่อรอง,และข้อมูลสำคัญของ ไพ่บาคาร่า กันว่ามันมีรายละเอียดอย่างไรกันบ้าง เพื่อที่จะได้ทำความเข้าใจก่อนที่จะ เล่นบาคาร่า กันอย่างจริงจัง โดยเกมไพ่ชนิดนี้ในปัจจุบัน มีการเล่นกันอย่างแพร่หลายและได้รับความนิยมอย่างมากจากนักพนันแถบเอเชีย โดยเฉพาะนักพนันชาวไทยจะชอบกันเป็นพิเศษ เพราะการเล่นนั้นมันเล่นง่าย มีกติกาที่ไม่ซับซ้อน มีความละม้ายคล้ายคลึงกับเกมไพ่ป๊อกเด้ง ซึ่งมีความสนุกสนานอยู่ในตัวอย่างมาก
แม้ว่าเกมไพ่บาคาร่านั้นจะมีกติกาการเล่นที่ค่อนข้างจะคล้ายกับ ป๊อกเด้ง แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ในการเล่นนั้นอาจจะสรุปอธิบายการย่อๆแบบรวบรัดก็คงต้องบอกว่า “บาคาร่า เราสามารถที่จะวางเดิมพันได้ทั้งสองฝั่ง (เลือกฝั่งใดฝั่งหนึ่ง) ซึ่งจะมีให้เราเลือกวางเดิมพันอยู่ 2 ฝั่ง คือ เพลย์เยอร์ (ผู้เล่น) และ แบงค์เกอร์ (เจ้ามือ) หากฝั่งที่เราเลือกลงเดิมพันเอาไว้ได้ 9 แต้ม หรือ 8 แต้ม หรือ มีแต้ม สูงกว่าอีกฝั่งเราก็จะชนะได้เงินเดิมพันกลับไป”
ในส่วนของเกมนั้น ก็ยังจะมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่สำคัญ และผู้ที่สนใจเกมไพ่บาคาร่าก็จำเป็นที่จะต้องทราบเพื่อที่จะได้รู้และเล่นเกมชนิดนี้ได้อย่างถูกต้อง เราจะมีการทำสารบัญแบ่งหัวข้อเนื้อหาที่สำคัญให้ท่านเลือกดูได้ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
บาคาร่า (Baccarat) คืออะไร
บาคาร่า คือ 1 ใน เกมไพ่ ที่ใช้เล่นสำหรับการเดิมพัน โดยสามารถเล่นตามบ่อนคาสิโนทั่วไป และสามารถเล่นผ่านระบบคาสิโนออนไลน์ได้ (พนันออนไลน์) โดยในปัจจุบันนับได้ว่าเป็นเกมไพ่อันดับต้น ๆ ที่มีคนสนใจเล่นกันมากที่สุด แต่ถ้าหากนับเฉพาะอาเซียน …
บาคาร่า คือ เกมไพ่อันดับหนึ่งที่มีการเล่นกันมากที่สุด โดยเราสามารถพบเห็นเกมไพ่มีได้ตามบ่อนคาสิโนรอบ ๆ ประเทศไทย เช่น คาสิโนปอยเปต และยังสามารถที่จะสมัครเล่นในรูปแบบของ บาคาร่าออนไลน์ ( คาสิโนออนไลน์สด) ได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย โดยในขณะนี้กระแสความนิยมการเล่นพนันแบบออนไลน์ถือว่ามาแรงอย่างมาก เพราะการพัฒนาของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ในราคาที่ประหยัด จึงทำให้ความนิยมในการเล่นแบบออนไลน์ดูจะเป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้น
เพราะเมื่อเทียบถึงข้อดีของการเล่นแบบออนไลน์ก็ต้องยอมรับว่ามันมีมากกว่าการเดินทางเสียเวลาไปเล่นที่บ่อนคาสิโนจริงในต่างประเทศ ลองมาพูดถึงความยุ่งยากในการเดินทางไปเล่นบ่อนคาสิโนในต่างประเทศ เราก็จะมีทั้งในเรื่องของเวลาหากนับเฉพาะกรุงเทพฯไปที่บ่อนปอยเปตการเดินทางไปกลับก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 7-8 ชั่วโมง หากขับรถไปเองก็จะเสียในเรื่องของค่าน้ำมันที่ใช้ในการเดินทาง แต่ถ้าหากใช้บริการรถของบ่อนคาสิโนเราก็จะต้องเสียเวลาตื่นเช้ามากๆเพื่อเดินทางตามรอบรถที่ออก และก็มีเวลาเล่นอยู่ไม่นานเพราะเราก็จะต้องรีบกลับตามเวลารถที่จะกลับมากรุงเทพ
ซึ่งพอเทียบกับการเล่นแบบออนไลน์เราสามารถที่จะเลือกเวลาเล่นตามความสะดวกของเราได้เองเลยเพราะเพียงแค่มีโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ที่ต่ออินเทอร์เน็ตเอาไว้อยากเล่นเวลาไหนตอนไหนก็ได้ แต่ข้อดีของการเล่นบาคาร่าตามบ่อนก็ไม่ใช่ไม่มีนะครับ ข้อดีคือเขาก็จะมีอาหารและเครื่องดื่มให้คุณได้ทานฟรี , ได้อรรถรสบรรยากาศของบ่อนคาสิโนในต่างประเทศแบบนึง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลของคุณเองด้วยว่าการเล่นในรูปแบบไหนที่คุณชอบมากกว่ากัน เพราะถ้าพูดถึงในเรื่องของกฎกติกาการเล่นไม่ว่าจะเป็นการเล่น บาคาร่า หรือ บาคาร่าออนไลน์ ก็ใช้กติกาบาคาร่าการนับแต้มเหมือนกัน
ประวัติบาคาร่า
จากนั้น Baccarat ก็มีการเล่นการเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้นและมีการแพร่หลายไปทั่วยุโรป จนกระทั่งในปีคริสตศักราช 1950 เกมไพ่บาคาร่าก็ถูกนำไปเล่นที่อเมริกา (ลาสเวกัส) และได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่เกมไพ่ Baccarat ได้รับความนิยมในหมู่นักพนันเพิ่มมากขึ้นทำให้ต่อมามีการแบ่งโต๊ะบาคาร่า ตามระดับของการวางเดิมพัน หากใครที่มีการวางเดิมพันไม่สูงก็จะถูกจัดให้เล่นอยู่โต๊ะบาคาร่าที่มีการกำหนด Minimum และ Maximum การวางเดิมพันเอาไว้ สำหรับใครที่มีทุนหนาวางเดิมพันแต่ละตาค่อนข้างสูงก็จะถูกจัดไปอยู่อีกโต๊ะนึงซึ่งไม่มีการกำหนด Maximum การวางเดิมพันเเต่มีการกำหนด Minimum ไว้
โดยผู้ที่คิดค้นเกมนี้ขึ้นมา คือ ชายชาวอิตาลีที่ชื่อว่า Felix Falguirein โดยเขามีอาชีพเป็นนักพนันซึ่งการคิดค้นเกมนี้มีการสันนิษฐานว่าน่าจะมีแนวคิดมาจากพิธีกรรมของลัทธิอารยธรรมอีทรัสดัน ซึ่งมีอายุเก่าแก่มากกว่า 1,500 ปีก่อนคริสตกาล โดยพิธีกรรมนี้จะถูกจัดขึ้นเพื่อที่จะเฟ้นหาหญิงสาวมาทำหน้าที่เป็นนักบวชในลัทธิ ซึ่งจะใช้วิธีการเสี่ยงทาย เลือกหญิงสาวจากลูกเต๋าที่มีการออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยจะมีทั้งหมด 9 หน้า โดยลูกเต๋าในแต่ละหน้านั้นก็จะมีหมายเลขกำกับอยู่ตั้งแต่หมายเลข 1 ไปจนถึง 9 หากหญิงสาวคนไหนที่มีการทอยลูกเต๋าแล้วได้แต้ม 9 หรือ 8 ก็จะเป็นผู้โชคดีรับหน้าที่ในลัทธิ สำหรับเหตุผลว่าทำไมลัทธินี้จึงให้ความสำคัญกับเลข 9 เป็นเพราะลัทธิที่นี้มีการนับถือเทพเจ้าอยู่ 9 องค์นั้นเอง ด้วยความที่มีประวัติมีความขลังและมีความคลาสสิกซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ Felix Falguirein (เฟลิกซ์ ฟาลกูยเรน) นำเอาไอเดียนี้มาพัฒนาเป็น เกมบาคาร่า
บาคาร่าดีไหม
อันที่จริงแล้ว เกมพนันออนไลน์หากนับเฉพาะเกมไพ่ ก็จะมีอยู่ค่อนข้างเยอะมาก มีอยู่หลายเกมกันเลยทีเดียว เช่น ไพ่แบล็คแจ็ค, ไพ่โป๊กเกอร์, ไพ่ป๊อกเด้ง, ไพ่เสือมังกร ฯลฯ ถ้าพูดถึงเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมแบบสากลก็ต้องยกให้ แบล็คแจ็ค และ โป๊กเกอร์ เพราะเล่นกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก สำหรับเกมไพ่บาคาร่าเองก็ถือว่ามีจุดเด่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเดิมพันทั้งในรูปแบบของคาสิโนตามบ่อนและคาสิโนออนไลน์ บาคาร่า มีกติกาที่ง่ายไม่ค่อยซับซ้อนและนอกจากนั้นในแต่ละเกมก็จะใช้เวลาในการเล่นไม่นาน เทียบกับเกมไพ่ยอดนิยม 2 เกมที่กล่าวมาก็ถือว่า บาคาร่า เหมาะสำหรับการเล่นพนันได้เสียที่ต้องเน้นจำนวนรอบเกมเยอะๆ
และอีกหนึ่งจุดเด่นของเกมไพ่ บาคาร่า คือ กติกาบาคาร่าที่ผู้วางเดิมพันจะอยู่ในสถานะเหมือนกับกองเชียร์ เลือกวางเดิมพันฝั่งที่คิดว่ามีโอกาสชนะ ไม่ต้องไปถือไพ่-เปิดไพ่ เล่นเอง เพราะจะมีดีลเลอร์คอยทำหน้าที่ในการแจกไพ่และเปิดไพ่ให้ นั่นหมายความว่าเราก็จะลดข้อได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้เล่นกับเจ้ามือลงได้ ( เมื่อเทียบกับป๊อกเด้ง)
ในปัจจุบันเองเราก็จะพบว่าเว็บพนันออนไลน์เน้นเปิดเกมไพ่ บาคาร่า ให้บริการกันจำนวนมาก ส่วนเกมไพ่แบล็คแจ็ค หรือ ไพ่โป๊กเกอร์ก็หาเล่นยากมากโดยเฉพาะหากมีโอกาสได้เดินทางไปที่บ่อนคาสิโนปอยเปตก็จะพบว่ามีเฉพาะไพ่บาคาร่าให้บริการ ไม่มีไพ่แบล็คแจ็ค, ไพ่โป๊กเกอร์ ให้คุณเล่นเลย (ต้องไปหาเล่นตาม ยุโรปและอเมริกาแทน)
วิธีการเล่นบาคาร่า คือ
ต่อมา เราจะมาศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการ เล่นบาคาร่า กันสำหรับการเล่นบาคาร่านั้นจะมีคนที่คอยแจกไพ่ซึ่งเรียกว่า Dealer ( พนักงานแจกไพ่) ซึ่งจะทำหน้าที่ในการจ่ายไพ่ให้กับ
- ฝั่งเจ้ามือ หรือเรียกอีกอย่างว่า แบงค์เกอร์ (Banker) และมีสัญลักษณ์แทนด้วยสีแดง
- ฝั่งผู้เล่น หรือเรียกอีกอย่างว่า เพลย์เยอร์ (Player) และมีสัญลักษณ์แทนด้วยสีน้ำเงิน
โดยแต่ละฝั่งนั้นก็จะได้รับไพ่เรียงกันดังนี้ ไพ่ใบที่ 1,3 จะเป็นของฝั่งผู้เล่น ไพ่ใบที่ 2,4 จะเป็นของฝั่งเจ้ามือ ด้วยการจ่ายไพ่จะจ่ายสลับกันไป เริ่มจากฝั่งของผู้เล่นก่อนและตามด้วยฝั่งของเจ้ามือตามลำดับ โดยฝั่งที่มีแต้มได้ = 9 แต้ม หรือ ใกล้เคียงมาที่สุดก็จะเป็นฝ่ายที่ชนะไป (Dealer สามารถจั่วเพิ่มได้ตามกติกาบาคาร่า สัญลักษณ์การศึกษาอย่างละเอียดในหัวข้อถัด ๆ ไป)
วิธีแทงบาคาร่า คือ
สำหรับคนที่จะวางเดิมพันเกมส์บาคาร่า ก็มีหน้าที่เพียงแค่ เลือกฝั่งที่คิดว่าจะชนะ และวางเงินเดิมพันเท่านั้น โดยผู้วางเดิมพันปัจจุบันสามารถเลือกที่จะวางเงินได้ทั้งหมด 4 แบบ คือ
- เลือกวางเดิมพันว่า แบงค์เกอร์ (Banker) จะมีแต้มชนะ เพลย์เยอร์ (Player)
- เลือกวางเดิมพันว่า เพลย์เยอร์ (Player) จะมีแต้มชนะ แบงค์เกอร์ (Banker)
- เลือกวางเดิมพันว่า แบงค์เกอร์ (Banker) และ เพลย์เยอร์ (Player) จะมีแต้มออกมาเสมอกัน
- เลือกวางเดิมพันว่า เพลย์เยอร์ (Player) / แบงค์เกอร์ (Banker) ไพ่ที่ออกมาจะเป็นคู่
โดยในแต่ละรูปแบบของการวางเดิมพันก็จะได้รับอัตราการจ่ายต่อรองที่ไม่เท่ากัน เดี๋ยวเราจะมาอธิบายเกี่ยวกับอัตราการจ่ายผลตอบแทนของเกมไพ่บาคาร่าในแต่ละรูปแบบกันให้ได้ทราบ
การนับแต้ม บาคาร่า คือ
โดยทั่วไปแล้วไพ่ที่ใช้สำหรับการ เล่นบาคาร่า จะใช้ 6-8 สำรับ ( 1 สำรับมีไพ่ 52 ใบ) ซึ่งก็จะมีไพ่ที่ใช้เล่นอยู่ทั้งหมด คือ จำนวน 312-416 ใบ ซึ่งแต้มของไพ่แต่ละใบนั้น ก็จะมีวิธีการนับดังนี้
- ไพ่ทีมีตัวเลขทั้งหมด *ยกเว้น 10 ให้นับแต้มตามเลขที่กำกับหน้าไพ่แต่ละใบ (2,3,4,5,6,7,8,9)
- ไพ่ที่มีตัวเลข 10 ให้นับแต้มเป็น 0
- ไพ่ที่มีเป็นอักษร *ยกเว้น A ให้นับแต้มเป็น 0 (J,K,Q)
- ไพ่ที่มีเป็นอักษร A ให้นับแต้มเป็น 1
กติกา บาคาร่า คือ
หลังจากที่เราได้ทราบกันมาได้เบื้องต้นแล้วว่า ดีลเลอร์ (Dealer) จะเริ่มทำการจ่ายไพ่ให้กับฝั่งเพลย์เยอร์ก่อน ผู้เล่น (Player) ในใบที่ 1 จ่ายไพ่ให้กับ เจ้ามือ (Banker) ในใบที่ 2 และย้อนกลับมาจ่ายไพ่ให้กับ ผู้เล่น (Player) , เจ้ามือ (Banker) ในใบที่ 3-4 ตามลำดับ แต่ กติกาบาคาร่า Dealer ( พนักงานแจกไพ่) สามารถที่จะทำการจั่วไพ่ใบที่ 5 และ 6 ได้ หากเข้าเงื่อนไขต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
🔥 Player หรือ Banker ผลรวมของแต้มได้ 8 หรือ 9 : ถ้าฝั่งเจ้ามือหรือฝั่งของผู้เล่น ฝั่งใดฝั่งหนึ่งหรือทั้งสองฝั่ง เปิดไพ่มาได้แต้มรวม 8,9 (แนเชอรัล) ก็จะนำแต้มที่ได้มาทำการคำนวณผลแพ้ชนะ โดยไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม
🔥 Player ได้ผลรวมของแต้ม 6 หรือ 7 : ฝั่งผู้เล่นไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม แต่ให้ไปดูในฝั่งของทางเจ้ามือแทน
- หากเจ้ามือได้ 6 หรือ 7 แต้ม ไม่ต้องจั่ว ตัดสินให้ผลเป็นเสมอ
- หากเจ้ามือได้ 0 ถึง 5 แต้ม เจ้ามือจั่วไพ่ 1 ใบ จากนั้นค่อยไปคำนวณผลแพ้ชนะ
🔥 Player ได้ผลรวมของแต้ม 0 ถึง 5 : ฝั่งผู้เล่นจะได้จั่วไพ่ 1 ใบ โดยหลังจากที่ทางฝั่งของผู้เล่นมีการจั่วไพ่แล้วก็จะมี กฎบาคาร่า เพิ่มเติมสำหรับฝั่งเจ้ามือว่าจะต้องจั่วไพ่ด้วยหรือไม่ต้องจั่วไพ่ ก็จะต้องดูแต้มจากไพ่ 2 ใบในมือฝั่งเจ้ามือก่อน ตามเงื่อนไขนี้
- Banker มีแต้ม 0 ถึง 2 ให้เจ้ามือทำการจั่วไพ่ได้ 1 ใบ
- Banker มีแต้ม 3 ฝั่งของเจ้ามือก็จะสามารถจั่วไพ่ได้ 1 ใบ (แต่แต้มรวมของผู้เล่นต้องไม่เท่ากับ 3)
- Banker มีแต้ม 4 ฝั่งของเจ้ามือก็จะสามารถจั่วไพ่ได้ 1 ใบ (แต่แต้มรวมของผู้เล่น ต้องอยู่ระหว่าง 2-7 )
- Banker มีแต้ม 5 ฝั่งของเจ้ามือก็จะสามารถจั่วไพ่ได้ 1 ใบ (แต่แต้มรวมของผู้เล่น ต้องอยู่ระหว่าง 4-7 )
- Banker มีแต้ม 6 ฝั่งของเจ้ามือก็จะสามารถจั่วไพ่ได้ 1 ใบ (แต่แต้มรวมของผู้เล่น ต้องอยู่ระหว่าง 6-7 )
- Banker มีแต้ม 7 ในกรณีนี้ทางฝั่งของเจ้ามือไม่ต้องจั่วไพ่
โดยท่านสามารถดูภาพประกอบการอธิบาย กติกาจั่วบาคาร่า ได้จากภาพด้านล่างนี้เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
บาคาร่า อัตราการจ่าย คือ เท่าไหร่
ภายหลังจากที่เราได้ทราบถึง วิธีการนับแต้มบาคาร่า,กฎการจั่วไพ่บาคาร่ากันแล้ว มาถึงขั้นตอนนี้ เราก็คงจะไม่มีข้อสงสัยกันแล้ว ว่าการตัดสินแพ้ชนะของแต่ละฝั่งมีเงื่อนไขอย่างไร แต่มาถึงในส่วนนี้ ก็ค่อนข้างจะมีความสำคัญ เพราะจะเป็นการบอกถึงอัตราการจ่ายผลตอบแทนหากเราชนะในเกมบาคาร่า ซึ่งรูปแบบของการวางเดิมพันแต่ละแบบนั้นก็จะมีอัตราการจ่ายที่ไม่เท่ากัน
พนันฝั่งผู้เล่น (Player) ชนะ: การวางเดิมพันฝั่ง ผู้เล่น (Player) จะมีอัตราต่อรอง (Odds) ที่ 1 เท่า อัตราการจ่ายแทง 1 จ่าย 2 (รวมทุน) เช่น หากพนันไว้ 100 บาท ชนะก็จะได้ทั้งหมด 200 บาท
พนันฝั่งเจ้ามือ (Banker) ขนะ: การวางเดิมพันฝั่ง เจ้ามือ (Banker) จะมีอัตราต่อรอง (Odds) ที่ 0.95 เท่า อัตราการจ่ายแทง 1 จ่าย 1.95 (รวมทุน) เช่น หากพนันไว้ 100 บาท ชนะก็จะได้ทั้งหมด 195 บาท (หักค่าต๋งให้เจ้ามือ 5%)
พนันว่าเสมอกัน (Tie): การวางเดิมพันว่า Player/Banker จะมีแต้มออกมาเสมอ (เท่ากัน) จะมีอัตราต่อรอง (Odds) ที่ 8 เท่า อัตราการจ่ายแทง 1 จ่าย 9 (รวมทุน) เช่น หากพนันไว้ 100 บาท ชนะก็จะได้ทั้งหมด 900 บาท
พนันว่าไพ่จะออกคู่ (Pair): การวางเดิมพันว่าฝั่ง Player หรือฝั่ง Banker (เลือกวางเดิมพันได้ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง) เมื่อเปิดไพ่ออกมาจะมีไพ่ออกมาเหมือนกัน (Pair) จะมีอัตราต่อรอง (Odds) ที่ 11 เท่า อัตราการจ่ายแทง 1 จ่าย 12 (รวมทุน) เช่น หากพนันไว้ 100 บาท ชนะก็จะได้ทั้งหมด 1,200 บาท
ตัวอย่าง ของการออกไพ่คู่ เช่น 9-9,8-8,7-7 …. A-A,K-K,Q-Q… เป็นต้น คือไพ่ 2 ใบออกมาเหมือนกัน
บทสรุป บาคาร่า
มาถึงในส่วนของบทสุดท้ายแล้วเกี่ยวกับ บาคาร่า คือ อะไรซึ่งหากคุณได้เสียสละเวลาอ่านมาได้ถึงตรงนี้ เราก็ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าคุณจะได้ทราบถึง กฎกติกา วิธีการเล่น การนับแต้ม การจ่ายอัตราผลตอบแทน ของเกมบาคาร่าไม่มากก็น้อย และต่อมาเราก็อยากให้ท่านได้เข้าไปสัมผัสเกมบาคาร่ากันเลย ว่าเวลาการเล่นบาคาร่าจริง ๆ นั้นมันจะมีบรรยากาศความรู้สึกอย่างไรกันบ้าง แต่คุณสามารถศึกษาเกี่ยวกับเทคนิควิธีการเล่นบาคาร่าเพิ่มเติมได้ที่บทความต่อไป หรือจะทดลองเล่นบาคาร่าในบัญชีฟรีกันก่อนก็ได้ แนะนำโปรโมชั่นสำหรับสมาชิกใหม่บาคาร่าออนไลน์
- สมาชิกสมัครใหม่แจกฟรีโบนัส 100%
- ฝากเล่นต่อยอดฝากแจกฟรีโบนัส 10%
- ยอดโบนัสแจกสูงสุด 1,000 บาท